Setting Dragon Blood OUTLINE *มีบุ๊คมาร์คไว้สามารถกดลิ้งไปยังหัวข้อนั้นๆได้เลย โลก เผ่าพันธุ๋ เผ่าพันธุ์โบราณ - มังกร - เอลฟ์ มนุษย์ เผ่าพันธุ์สายเลือดมังกร - มนุษย์มังกร - เอลฟ์มังกร - ลูกครึ่งมนุษย์-มนุษย์มังกร - มนุษย์ผู้ดื่มเลือดมังกร อมนุษย์ - แวมไพร์ - มนุษย์หมาป่า เผ่าพันธุ์จากนอกโลก วิทยาการของมนุษย์ - มนุษย์มังกรกับการทดลองของมนุษย์ ศิลาเลือดมังกร ตำนานสายเลือดมังกร ตารางแบ่งฝ่ายที่มีบทบาทในสงคราม
World โลกถูกแบ่งเป็นหลายทวีป แต่ละทวีปถูกกั้นด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์เช่น มหาสมุทร ทะเลทราย ภูเขาสูง ทำให้การเดินทางข้ามทวีปนั้นเป็นเรื่องยาก จึงเป็นบ่อเกิดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านอารยธรรมและวิทยาการ
สิ่งมีชีวิตบนโลกมีหลายเผ่าพันธุ์ ซึ่งแต่ละเผ่าพันธุ์จะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันไป มีทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาสูง มีการคิดค้นเครื่องมือใช้สอยเพื่ออำนวยความสะดวก หรือแม้จะทั่งสามารถใช้เวทย์มนต์ได้ ในยุคสมัยที่ยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์บนทวีปอื่นๆ โลกนั้นสงบสุขเรื่อยมา
จนกระทั่งยุคสมัยเปลี่ยนไป โลกนั้นเข้าสู่ยุคสงคราม แผ่นดินฝั่งตะวันตกเริ่มออกล่าอาณานิคมรุกรานทวีปที่มีวิทยาการและความเจริญน้อยกว่าตน เพื่อผลประโยชน์ทางด้านทรัพยากรและการรวมอำนาจ ก่อให้เกิดความวุ่นวาย การกดขี่ข่มเหง การทรยศหักหลังขึ้น แน่นอนว่าเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ คนกลุ่มหนึ่งได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อทำให้ความสงบสุขของโลกกลับคืนมาอีกครั้ง
Clan ตารางสรุปเผ่าพันธุ์ เผ่าพันธุ์ อายุขัย (ปี) จำนวน ลักษณะทางกายภาพ พลัง/จุดเด่น มังกร 400-500 ปานกลาง สัตว์เลื้อยคลานตัวใหญ่ มีเกล็ด หาง ปีก แตกต่างไปตามสายพันธุ์ ควบคุมพลังธาตุประจำตัว พลังกายเยอะ ตัวที่แข็งแกร่งจำแลงเป็นมนุษย์ได้ ซึมซับธาตุมาเป็นพลังของตัวเองได้ เอลฟ์ 400-500 น้อย คล้ายมนุษย์ สูงโปร่ง งดงาม ใบหูแหลม สีผิว-ผม แล้วแต่ประเภท พลังเวทย์แข็งแกร่ง สติปัญญาเฉียบแหลม มนุษย์ 60-80 มาก มนุษย์มังกร ไม่เกิน200ปี ปานกลาง ปกติจะมีลักษณะแบบมนุษย์แต่่สามารถเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นมังกรได้ ใช้พลังเวทย์ธาตุประจำตัว พละกำลังมากว่ามนุษย์ เอลฟ์มังกร ไม่เกิน300ปี น้อยมาก ท่อนบนเป็นเอลฟ์ท่อนล่างเป็นมังกร ผมสีขาว ตาสีอำพัน หูแหลม สมดุล ใช้พลังได้หลายอย่าง มนุษย์-มนุษย์มังกร 120-140 น้อย มีรูปร่างคล้ายมนุษย์มาก อาศัยปะปนกับมนุษย์ทั่วไป มนุษย์กลายพันธุ์ 80ปีหรือน้อยกว่านั้น น้อยมาก มนุษย์ที่กลายสภาพเพราะดื่มเลือดมังกร กระดูกแปรสภาพห่อหุ้มร่างกายจนคล้ายเกราะ แวมไพร์ 280-300 ปานกลาง ปีศาจในคราบมนุษย์ เวลาออกล่าดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แพ้แสงแดด เครื่องเทศ เงิน ดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร มนุษย์หมาป่า 180-200 ปานกลาง ปีศาจในคราบมนุษย์ ร่างกายใหญ่ดต เมื่อกลายร่างจะเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยืนสองขา มีเขี้ยวแหลมคม พละกำลังมาก ประสาทสัมผัสดี ไวต่อสิ่งเร้า *เผ่าพันธุ์ที่เกิดจากการผสมบางชนิดจะมีจุดด้อยทำให้อายุไม่ยืนเท่าสายเลือดแท้*
เผ่าพันธุ์โบราณ
มังกร – เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีช่วงชีวิตที่ยาวนานกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ และมีหลายสายพันธุ์ เนื่องจากมังกรมีลักษณะพิเศษ ที่สามารถซึมซับธาตุต่างๆบนโลกและนำคุณสมบัติของธาตุนั้นๆมาใช้เป็นพลังได้ โดยจะพบได้มากที่สุดคือธาตุหลักทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ นอกจากนั้นแล้วยังมีมังกรธาตุอื่นๆอีก อย่างเช่น ทอง เหล็ก เพรช เป็นต้น จำนวนของมังกรก็จะผันแปรไปตามความหายากของแร่ธาตุชนิดนั้นๆ มังกรแต่ละธาตุก็จะมีการแบ่งแยกชัดเจน ไม่ยุ่งเกี่ยวกันซักเท่าไหร่นัก
ในยุคดึกดำบรรพ์ มังกรนั้นยังมีธาตุประจำตัวไม่หลากหลายนัก แต่จุดกำเนิดที่ทำให้พวกมันเกิดสายพันธุ์ใหม่ๆขึ้นมา เพราะวัตุถุจากนอกโลกที่พุ่งชนเข้ามาเมื่อหลายล้านปีก่อน ทำให้สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมหลายสายพันธุ์สูญพันธุ์ไป แต่มังกรที่แข็งแกร่งได้วิวัฒนาการตัวเองจนสามารถอยู่รอดได้มาจนถึงปัจจุบัน มีการดูดซึมแร่ธาตุที่เป็นสะสารจากนอกโลก(อาทิ ทอง)ทำให้มีสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
มังกรมีอยู่กระจายตัวกันออกไปทั่วโลก และมีการแบ่งประเภทของมังกรดังนี้
เทพมังกร คือมังกรยุคดึกดำบรรพ์ที่ว่ากันว่ามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์ มีขนาดที่ใหญ่ อายุที่ยืนยาว และมีจำนวนไม่มาก เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เทพมังกรทั้งสี่นั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่เผ่าพันธุ์มังกรด้วยกันยังไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ใด ยังคงมีชีวิต หรือว่าตายไปแล้ว เรื่องราวของเทพมังกรจึงกลายเป็นเพียงตำนานที่ถูกเล่าต่อกันมา และยังเป็นปริศนามาถึงปัจจุบัน
เทพมังกรซากศพ มีลักษณะคล้ายเทพมังกร แต่เพียงเปลือกนอก มีพลังแข็งแกร่งแต่ไม่เทียบเท่าเทพมังกรตัวจริง เทพมังกรซากศพเกิดจากพลังของมังกรที่มีพลังแก่กล้าที่ตายแล้วแต่กลับไม่ยอมตาย หัวใจของมันจะตกผลึกเป็นของแข็งเรียกว่าผลึกหัวใจมังกร เป็นที่กักเก็บพลังและจิตวิญญาณของมังกรตัวที่ตายเอาไว้ เทพมังกรซากศพจำเป็นต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อคงไว้ซึ่งพลังแล้วกายเนื้อของตนเอง โดนการกินมนุษย์มังกรนั้นให้พลังแก่เทพมังกรได้สูงที่สุด จึงมักจะรุกรานหมู่บ้านมนุษย์มังกรเพื่อล่ามาเป็นอาหารอยู่เสมอ การจำฆ่าเทพมังกรซากศพนั้น ต้องทำให้ผลึกหัวใจแตกสลายวิญญาณและพลังของมังกรซากศพจะกลายเป็นพลังของผู้ที่ฆ่ามันอย่างแท้จริงได้ทันที มังกรทั่วไป เป็นประเภทมังกรที่มีจำนวนมากและเห็นได้ทั่วไป มีการสานสัมพันธไมตรีกับเผ่าอื่นเช่นเอลฟ์ในบางพื้นที่ มีขนาดตัวหลากหลายแต่จะเล็กกว่าเทพมังกร และไม่แข็งแกร่งเท่า มักอยู่รวมกันเป็นฝูง มังกรบางตัวที่มีความสามารถมากกว่าตัวอื่นๆ อาจะเพิ่มพลังของตัวเองด้วยการฝึกฝนจนกล้าแกร่งและขึ้นเป็นจ่าฝูงหรือแม่ทัพ ปกครองมังกรชั้นผู้น้อยอีกทีหนึ่ง มังกรที่ผ่านการฝึกฝนจนแข็งแกร่งอาจจำแลงร่างกายของตนเป็นมนุษย์ได้ มังกรประเภทนี้ในปัจจุบันมีส่วนหนึ่งถูกกดขี่โดยมนุษย์ *ภาพเทียบขนาดคร่าวๆของเทพมังกรและมังกรทั่วไป เอลฟ์ - เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่กำเนิดขึ้นหลังมังกร โดยจุดกำเนิดที่แท้จริงของเอลฟ์นั้น เกิดจากเซลล์ของสิ่งมีชีวิตที่ติดมากับวัตถุนอกโลก เมื่อตกลงมาบนโลกแล้วจึงได้ทิ้งDNAเอาไว้ ก่อนจะแทรกซึมเข้ากับสิ่งมีชีวิตบนโลก ทำให้เกิดวิวัฒนาการไปในทางที่พิเศษ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ว่ากันว่าบรรพบุรุษของเอลฟ์นั้นเป็นสายพันธุ์เดียวกับมนุษย์ มีจำนวนอยู่ไม่มากนัก แต่มีจุดเด่นอยู่ที่ความเฉลียวฉลาด ว่องไว และสามารถใช้เวทย์มนต์จำพวกแสงหรือคำสาปได้ ดั้งเดิมเอลฟ์นั้นเป็นผู้พิทักษ์แห่งผืนป่า อาศัยอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ และจะไม่ข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์อื่น แต่หลังจากมนุษย์นั้นได้ถือกำเนิดขึ้น เอลฟ์ส่วนหนึ่งได้มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่ามนุษย์ จนเกิดเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งขึ้นมา เอลฟ์จึงถูกแบ่งออกเป็นสามประเภท เอลฟ์แท้ เป็นเอลฟ์ที่ยังคงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของตน ยึดถือขนบธรรมเนียมโบราณ ปกครองโดยกษัตริย์เอลฟ์ มีแนวคิดว่าตนเองเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง เย่อหยิ่ง อยู่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เอลฟ์แท้มีความสามารถในการใช้เวทย์มนต์สูง ทำให้ร่างกายของตัวเองกลายเป็นสายลม สามารถร่ายคำสาปมอบความเจ็บป่วยให้ผู้อื่นหรือทำให้ฝันร้ายได้ โดยเอลฟ์แท้จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับมนุษย์ เพียงแต่มีความงดงามมากกว่า มีใบหูยาว ผิวขาวซีด ผมสีอ่อนไปจนถึงสีขาว และมักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีขาวล้วน อาศัยหลบซ่อนอยู่ในผืนป่า มาจนถึงปัจจุบันนี้ผู้ที่เคยพบเจอเอลฟ์แท้นั้นมีน้อยมาก ในยุคโบราณมนุษย์ที่เคยพบเห็นเอลฟ์แท้มักคิดว่าพวกเขาเป็นเทวดาและนับถือบูชาเป็นเทพเจ้า เอลฟ์มืดหรือดาร์กเอลฟ์ เป็นเอลฟ์แท้ที่แยกตัวออกมาเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับขนบโบราณของพวกเอลฟ์แท้ มีจำนวนน้อยที่สุดในทั้งสามประเภท เป็นเอลฟ์ที่ฝักใฝ่ในเรื่องเวทย์มนต์ โดยเฉพาะเวทย์ด้านมืด จนทำให้ตนซึมซับพลังด้านมืดเข้ามาในร่างกาย ไม่เหลือซึ่งความบริสุทธิ์แต่ดั้งเดิมของเหล่าเอลฟ์ สีผิวของดาร์กเอลฟ์จะกลายเป้นสีเข้มและหม่นเหมือนต้องคำสาป แต่กระนั้น กลับเป็นเอลฟ์ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านเวทย์มนต์มากที่สุดในเหล่าเอลฟ์ด้วยกัน เอลฟ์เลือดผสม คือเอลฟ์ที่มีสายเลือดของมนุษย์ปะปนอยู่ ไม่เป็นที่ยอมรับของเผ่าเอลฟ์แท้ ทำให้ต้องแยกออกมาตั้งถิ่นที่อยู่อาศัยใหม่ มีการคบหาติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่นๆมากขึ้น แต่กระนั้นเรื่องความรักข้ามเผ่าพันธุ์ก็ยังถือเป็นเรื่องต้องห้าม เพื่อคงไว้ซึ่งความสามารถและความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ดั้งเดิมไม่ให้จางหายไป เอลฟ์เลือดผสมนั้นมีจำนวนมากกว่าเอลฟ์แท้ และมักอยู่ร่วมกันเป็นเมืองใหญ่ มีการสร้างที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งและมีผู้นำเผ่าเป็นผู้ปกครอง เอลฟ์เลือดผสมยังคงให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณของธรรมชาติคงไว้ซึ่งนักบวช ถือเป็นผู้บริสุทธิ์และมีพลังมากในหมู่เอลฟ์ด้วยกัน ลักษณะโดยภายนอกเอลฟ์ประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับมนุษย์มากกว่า มีสีผิวและผมหลากหลาย การแต่งกายก็หลากหลายขึ้นมากเช่นกัน ความเชื่อของชนเผ่าเอลฟ์โบราณ Ashkahala(อาสห์คาฮารา)เทพเจ้าผู้สร้างในความเชื่อของเหล่าเอลฟ์ ตำนานกล่าวว่ารูปร่างเป็นหญิงร่างสูงโปร่ง ผมสีขาวโพลนเหมือนหิมะ เธอให้กำเนิดเผ่าพันธุ์เอลฟ์จากการนำ ดิน,แม่น้ำ,รากของต้นไม้มาปั้นรวมกัน นอกจากเป็นผู้สร้างเธอยังเชี่ยวชาญเรื่องการสู้รบจนสามารถสร้างดินแดนป่าขนาดใหญ่ที่เป็นที่อยู่อาศัยให้สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่อย่างสมบูรณ์ได้ อีกทั้งในตำนานเธอยังเป็นมิตรสหายกับเหล่าเทพมังกรทั้ง4อีกด้วย ว่ากันว่าอาสห์คาฮาราเป็นเทพบริสุทธิ์ นักบวชเอลฟ์จะนิยมสักหรือนำใบไม้มาเคี่ยวเป็นสีทาตามตัวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการนับถือบูชา กฏเหล็กของเผ่าเอลฟ์นั้นคือห้ามสมสู่กับคนนอกเผ่าพันธุ์เพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงาม มีเกียรติและศักดิ์ศรีสูงกว่าจะยอมให้เผ่าพันธุ์อื่นร่วมสายเลือด มนุษย์ มนุษย์ - เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีจำนวนมาก อาศัยอยู่ที่ซีกโลกฝั่งตะวันตก และเพิ่งถือกำเนิดมาได้ไม่นานนักเมื่อเทียบกับเผ่าอื่น และมีวิวัฒนาการหลังจากการกำเนิดเอลฟ์หลายหมื่นปี มีพละกำลังน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้ แรกเริ่มเดิมทีมนุษย์อาศัยอยุ่บนโกด้วยความสงบ กระจายตัวกันอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ล่าสัตว์เป็นอาหารประทังชีพ ก่อนจะเริ่มรวมตัวกันเป็นชุมชน หมู่บ้าน และใหญ่ขึ้นจนเป็นอาณาจักร *กษัตริย์อารอนผู้นำเผ่ามนุษย์* ความเชื่อและวิวัฒนาการของมนุษย์ แรกเริ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์มีความเชื่อนับถือสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าตนเปรียบเป็นเทพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์ หรือมังกรก็ตาม แต่เนื่องจากมนุษย์เป็นเผ่าที่มีการพัฒนาด้านวิทยาการและเทคโนโลยีต่างๆอย่างรวดเร็ว มีการเล่นแร่แปรธาตุ สร้างสรรค์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมถึงอาวุธเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและกลบจุดอ่อนด้านพละกำลังของตัวเอง มนุษย์นั้นมีความเชื่อและความเห็นที่แตกต่างกันไปหลายแขนงในแต่ละพื้นที่ แต่ที่จะกล่าวถึงคือสองลัทธิใหญ่ๆดังนี้ มนุษย์ที่เคารพนับถือธรรมชาติ มังกร และเชื่อในเรื่องเทพเจ้า โดยส่วนมากเกิดขึ้นที่ซีกโลกตะวันออก แต่ก็มีการกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก เป็นมนุษย์ที่ถูกปลูกฝังให้มีความเคารพนับถือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าตนให้เป็นเทพเจ้า เชื่อในพระเจ้าผู้สร้างสิ่งต่างๆให้ถือกำเนิดขึ้น มนุษย์กลุ่มนี้มักจะใช้ความเชื่อเป็นแรงขับเคลือนในการทำสิ่งต่างๆมากกว่า แม้ว่าโดยพื้นฐานจะเป็นพวกที่แสวงหาความสงบสุข แต่ก็พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องความเชื่อของตนไม่ให้โดนลบหลู่ดูหมิ่น ในขณะเดียวกันก็มีการล่าอาณานิคมเพื่อเผยแพร่ความเชื่อในแบบของตนให้ผู้อื่นด้วย มนุษย์ที่มีแนวคิดแบบมนุษยนิยม - เกิดขึ้นที่ซีกโลกฝั่งตะวันตก เมื่อมีวิทยาการที่มีความสามารถหรือควบคุมเผ่าพันธุ์อื่นให้จำต้องยอมสยบต่อพวกตน ความเชื่อเรื่องการบูชาเผ่าอื่นจึงถูกลบล้างออกไป และถูกทดแทนด้วยความเชื่อในเรื่องศักยภาพของตัวมนุษย์ ปลูกฝังความคิดที่ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลบนโลกอีกด้วย พวกเขาถูกครอบงำด้วยความต้องการที่ไม่สิ้นสุด มนุษย์จึงเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่าอาณานิคมยึดครองทรัพยากรเป็นของตน ในปัจจุบันคนที่มีความเชื่อแบบมนุษยนิยม ได้รุกรานอาณาเขตของเผ่าพันธุ์อื่นๆไปกว่าค่อนของพื้นที่ และกดขี่ใช้แรงงานเพื่อความสะดวกสบายของเผ่าพันธุ์ตัวเอง จนภายหลังความโลภ ลุ่มหลงในอำนาจ ทวีความรุนแรงขึ้นจนกระทั่งเกิดเป็นสงครามยืดเยื้อก่อความเสียหายแก่พื้นทีและเกิดการล้มตายเป็นจำนวนมาก *Barbarian คือมนุษย์ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ยึดถือในคติของกลุ่มชนตนเองมากกว่า* เผ่าพันธุ์สายเลือดมังกร มนุษย์มังกร – เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการมาจากมังกรยุคดึกดำบรรพ์มีความแข็งแกร่งและพละกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์ มีถิ่นอาศัยอยู่ทั่วโลก สามารถใช้พลังเวทย์มนต์ที่เป็นธาตุประจำตัวได้เช่นเดียวกับมังกร สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นมังกรได้ มนุษย์มังกรที่แข็งแกร่งจะสามารถควบคุมการเปลี่ยนร่างได้อย่างสมบูรณ์ สามารถซ่อนตัวปะปนกับมนุษย์ได้ ในขณะที่อีกส่วนนั้นยังไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเองได้ มนุษย์มังกรแต่ละสายพันธุ์มีประเภทของอาหารที่กินแตกต่างกันไป บางประเภทไม่กินเนื้อ บางประเภทก็กินพวกอมนุษย์เช่นแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเอง วัฒนธรรมและความเชื่อของมนุษย์มังกร แรกเริ่มมนุษย์มังกรอาศัยอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน การแต่งกายและวัฒนธรรมจะแตกต่างกันไปตามถิ่นที่อยู่ของตน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมักจะนับถือเผ่าพันธุ์มังกรเป็นเทพเจ้าที่น่าหวาดกลัว เพราะมีพลังอำนาจมากและมักจะรุกรานมนุษย์มังกรอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้นมนุษย์มังกรยังนับถือความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและธาตุทั้งที่เป็นบ่อเกิดพลังของพวกตนอีกด้วย ถึงกระนั้นก็ยังมีการแบ่งวรรณะตามธาตุประจำตัว ชาวมนุษย์มังกรนั้นเชิดชูบูชาความแข็งแกร่งและความเป็นวีรบุรุษ หากผู้ใดเป็นผู้ที่แข็งแกรงที่สุดก็มักจะได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าหรือผู้นำหมู่บ้าน ส่วนใหญ่จะมีวิถีนักรบและสัญชาติญาณนักล่าในตัวเอง ในปัจจุบันพื้นที่หลายส่วนถูกมนุษย์รุกรานและเข้ากุมอำนาจการปกครอง มนุษย์มังกรถูกกดขี่ ใช้แรงงานทาสเป็นสวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน มนุษย์มังกรที่แข็งแกร่งก็ยังคงรอดพ้นจากการควบคุมของมนุษย์ บางคนถึงขั้นแฝงตัวปะปนไปกับมนุษย์ในหลายคนชั้น โดนเก็บเรื่องสายเลือดมังกรไว้เป็นความลับ แต่ในขณะเดียวกันในบางพื้นที่มนุษย์มังกรก็ได้ตั้งตนเป็นใหญ่และปกครองมนุษย์ ปลูกฝังความเชื่อให้เคารพนับถือมังกรเป็นเทพเจ้า มีมนุษย์มัวกรอีกจำนวนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในป่า ใช้สัญชาติญาณนักล่ามากกว่าอยู่อย่างมนุษย์ พวกเขาเป็นกลุ่มที่เร่ร่อนหนีจากสงครามมนุษย์ถล่มหมู่บ้านมังกร ร่างกายและการดำรงชีวิตอยู่ต้องปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมป่า พวกเขาเป็นพวกดุร้าย ควบคุมได้ยาก เอลฟ์มังกร เป็นสายพันธุ์ลูกครึ่งที่เกิดจากเอลฟ์แท้กับมังกร มีจำนวนน้อยมากและไม่ถูกยอมรับจากเผ่าใดเลย เอลฟ์มังกรมีลักษณ์ภายนอกคล้ายเอลฟ์แท้ ผิวซีด ใบหูแหลมยาว ร่างสูงโปร่ง เพียงแต่ผมจะมีลักษณะเฉพาะเป็นสีขาวเท่านั้น ดวงตาเป็นลักษณะเหมือนนัยน์ตามังกรมีสีอำพัน และขาทั้งสองมีลักษณะเป็นขาหลังมังกร บางครั้งก็จะพบเอลฟ์มังกรที่มีปีก หาง หรือเขา ตามสายพันธุ์มังกรที่เป็นสายเลือดตน และแทบทั้งหมดในสายพันธุ์มักจะไม่สามารถสืบพันธุ์ได้อีกเนื่องจากยีนด้วยทางพันธุกรรม(เป็นหมัน) เอลฟ์มังกรมีความสามารถที่หลากหลายและสมดุล มีความรวดเร็วมากกว่ามนุษย์มังกรแต่มีพละกำลังน้อยกว่า มีพลังเวทย์แข็งแกร่งโดยจะเป็นเวทย์ธาตุประจำตัวของแต่ละคนเช่นเดียวกับมังกร หากจวนตัวก็สามารถใช้ร่างกายส่วนที่เป็นมังกรจมตีได้เช่นกัน ปัจจุบันเอลฟ์มังกรกระจายตัวกันอยู่อย่างปลีกวิเวก บ้างเป็นทหารรับจ้าง บ้างอาศัยอยู่ในที่เงียบสงบ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอิสระสูง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นพิเศษ และเป็นเผ่าที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ วิทยาการพิเศษของเอลฟ์มังกร - เนื่องจากเอลฟ์มังกรมีสิติปัญญาที่เฉียบแหลมกว่ามนุษย์ แต่มีความทะเยอทะยานมากกว่าเอลฟ์ทั่วๆไป ทำให้พวกเขาเริ่มสร้าง ออกแบบ และพัฒนาชุดเกราะที่มีระบบกลไกการทำงานซับซ้อน และเหมาะกับสภาพร่างกายของเอลฟ์มังกร ซึ่งเป็นชุดเกราะนักรบที่มีศักยภาพมากกว่าของที่มนุษย์สร้าง ลูกครึ่งมนุษย์มังกร-มนุษย์ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ และมีจำนวนมากกว่าเผ่าลูกครึ่งอื่นๆ อาศัยปะปนกับมนุษย์อย่างแนบเนียน มักจะปิดเรื่องสายเลือดของตัวเองเป็นความลับ *ได้รับสารกระตุ้นทำให้เกิดลักษณะบางอย่าง เสพติด มนุษย์ที่ดื่มเลือดมังกร เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยมีมนุษย์เป็นร่างต้น เมื่อมนุษย์ได้รับเลือดของมังกรที่มีพลังแข็งแกร่งเข้าไปในร่างกาย โดยไม่ได้ผ่านทางกรรมพันธุ์ เป็นการฝืนนำเอาเข้าไปในร่างกาย จะทำให้เลือดมังกรนั้นเกิดเป็นพิษ มนุษย์ส่วนใหญ่เมื่อได้รับเลือดมังกรเข้าไปจะตาย แต่ถ้าหากมนุษย์คนนั้นรอดชีวิต สายเลือดมังกรจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ร่วมถึงสูญเสียตัวตนจิตสำนึกแบบมนุษย์ทั่วไป หลงเหลือแต่ความโลภ กระหายสงครามและบ้าเลือด อมนุษย์ แวมไพร์ เป็นปีศาจชนิดหนึ่งที่เกิดจากวิญญาณชั่วร้ายของมนุษย์ ดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร มนุษย์หมาป่า เป็นปีศาจชนิดหนึ่งคล้ายแวมไพร์ เกิดจากที่มนุษย์ที่ชอบกินเลือดกินเนื้อสดๆ จนสภาพร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเช่น มีเขี้ยวที่แหลมคม มีจมูกที่ไวสัมผัสต่อสิ่งเร้า เผ่าพันธุ์จากนอกโลก เมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อยุคสมัยที่ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตไม่กี่สายพันธุ์ วัตถุแปลกปลอมจากอวกาศพุ่งลงมาตกที่ผืนดิน พร้อมกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่แฝงมาด้วย สิ่งมีชีวิตนั้นแทรกซึมเข้าสู่ผืนดิน ก่อนจะถูกดูดกินด้วยพืชพรรณ ทำให้เกิดปฏิกริยาและวิวัฒนาการบางอย่าง ต้นไม้พิเศษนั้นเติบโตขึ้นอย่างผิดแปลกไปจากปกติ มันช่างงดงามและยิ่งใหญ่ การฝังตัวของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวหมุนเวียนอยู่ในทุกอณู เมื่อสัตว์ดึกดำบรรพ์ได้กินส่วนของต้นไม้นั้นเข้าไป ก็ทำให้เกิดวิวัฒนาการบางอย่าง… และนั้นคือจุดกำเนิดของมังกร… ต่อมาต้นไม้ต้นนั้นกลายเป็นที่เคารพบูชาของเผ่าพันธุ์มังกร และเรียกขานมันว่า ต้นเลือดมังกร *ลักษณะภายนอกรอดีไซน์อีกที เผ่าพันธุ์มนุษย์มังกร เตารพบูชานับถือ** ------------------------------------- วิทยาการของมนุษย์ ในยุคแรกมนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยุ่กระจัดกระจายเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ภายหลังได้มีการพัฒนาสร้างสังคมและวิทยาการต่างๆด้วยสติปัญญาของตนเอง มีการสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากกว่าที่เผ่าพันธุ์อื่นๆจะสร้างได้ ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดอีกด้วย มนุษย์สามารถประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการประยุกต์ดัดแปลงข้าวของเครื่องใช้จนกำเนิดสิ่งใหม่ ในปัจจุบันมีสิ่งต่างๆที่ถูกค้นพบดังนี้ ด้านอาวุธมีการค้นพบดินปืนทำให้เกิดอาวุธชนิดใหม่คือปืน สามารถใช้ยิงระยะไกล ใช้ง่าย พกพาสะดวก และรวดเร็วกว่าธนู แต่ยังไม่มีใช้แพร่หลายมากนัก ด้านการคมนาคม ยังคงใช้สัตว์เป็นพาหนะ แต่มีรถลากที่แข็งแรงและสามารถบรรทุกของหนักๆได้ การเดินทางบนบกจะใช้รถม้า(หรือบางครั้งก็เทียมมังกร)เป็นหลัก ส่วนทางน้ำ มนุษย์สามารถสร้างเรือขนาดใหญ่ที่ใช้เดินทางข้ามหาสมุทรได้แล้ว ด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ การแพทย์ของมนุษย์พัฒนาไปมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตำราเก่าแก่ของเอลฟ์ที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยอุปนิสัยอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ทำให้เกิดการนำศพของสิ่งมีชีวิตต่างๆมาศึกษาทางกายภาพ และมีการนำเชลยสายพันธุ์อื่นที่อยู่ใต้การปกครองของตนมาเป็นตัวทดลองในเรื่องต่างๆ ศึกษาและจดบันทึกอย่างละเอียดเพื่อนำไปประยุกต์ต่อยอดสร้างสิ่งใหม่ในอนาคต มนุษย์มังกรกับการทดลองของมนุษย์ ในยุคที่โลกฝั่งตะวันตกถูกยึดครองโดยมนุษย์โดยสมบูรณ์โดยได้รับความร่วมมือจากเอลฟ์เลือดผสมบางส่วน มังกรและมนุษย์มังกร รวมถึงเหล่าเอลฟ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจนี้ ถูกกดขี่ข่มเหง ใช้แรงงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เหล่ามนุษย์ มังกรถูกใช้เป็นพาหนะ บังคับให้สวมบังเหียนและฝึกให้เชื่อง โดยใช้อาวุธที่พัฒนามาเพื่อสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้กับมังกรโดยเฉพาะ บางครั้งหากพยศมากก็จะถูกล่ามให้อดอาหารจนกว่าจะยอมสวามิภักดิ์ ส่วนมนุษย์มังกรนั้นเนื่องจากมีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ ชายหญิงที่ยังแข็งแรงส่วนมากจะถูกใช้เป็นแรงงานทาส ในการก่อสร้าง ล่าอาหาร รวมถึงใช้ในกองทัพอีกด้วย ส่วนเด็กและผู้หญิงที่อ่อนแอจะถูกจับไว้เป็นเชลย รวมถึงทำงานรับใช้ปรนิบัติมนุษย์ที่มียศฐาบรรดาสูง แม้ว่าโดยกำเนิดมนุษย์มังกรจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้แก่วิทยาการต่างๆที่เกินกว่าที่จะรับไหว นอกจากนั้นมนุษย์มังกรบางส่วนยังตกเป็นเครื่องมือสังเวยต่อความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์อีกด้วย การทดลองเริ่มต้นขึ้นเมื่อมนุษย์มีความต้องการจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งไว้ต่อสู้กับอาณาจักรอื่นๆ จึงได้อาศัยตำราความรู้โบราณของพวกเอลฟ์มาใช้ในการศึกษาพัฒนา เมื่อความรอบรู้ของเอลฟ์ผสานเข้ากับวิทยาการของมนุษย์ ได้มีการนำมนุษย์มังกรมาบังคับให้เข้ารับการทดลองสารพัด จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป มนุษย์มังกรที่รอดชีวิตจากการทดลองบางส่วนได้กลายสภาพเป็นสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าอสุรกาย รูปร่างของมนุษย์มังกรเหล่านั้นบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ร่างกายก้ำกึงระหว่างมังกรกับมนุษย์มังกร สูงใหญ่จนน่ากลัว และมีพลังทำลายสูง ที่สำคัญคืออสูรเหล่านั้นเชื่อฝังคำสั่งของเหล่ามนุษย์ด้วยมนต์โบราณของเหล่าเอลฟ์ มนุษย์ใช้ผู้คนที่ถูกทดลองเหล่านั้นในการสู้รบ สัญชาติญาณของพวกเขามุ่งแต่การทำลาย กระหายสงคราม และจะต่อสู้จนกว่าตัวจะตาย ศิลาเลือดมังกร ภาพของอารยธรรมของเผ่าพันธุ์มังกรที่ถูกจารึกลงบนแผ่นศิลาโบราณ ถูกเรียกว่า Dragon Blood ศิลาศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลาย โดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เศษเสี้ยวของมันกระจายไปทั่วโลก ในปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถรวบรวมชิ้นส่วนของศิลากลับมารวมกันได้ ทำให้รูปภาพที่ถูกจารึกบนศิลานั้นยังคงเป็นปริศนา ตำนานสายเลือดมังกร (ความเชื่อแนวความคิดของเอเชีย) เผ่ามนุษย์ยุคสมัยก่อนยังไม่ค้นพบดินแดนใหม่มากนักจนกระทั่งมีกลุ่มชนเผ่ากลุ่มหนึ่งที่ปลีกตัวมาจากดินแดนหิมะเดินและขี่ม้าข้ามผ่านภูเขามาสู่อีกดินแดนที่เต็มไปด้วยทุ่งเขียวขจี พวกเขามีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มังกร’ ชนเผ่าเค็กชู(Kekhu)ได้เริ่มตั้งถิ่นฐาน สร้างวัฒนธรรมและอารยธรรมของตัวเองขึ้นมา พวกเขานับถือมังกรเป็นเหมือนเทพเจ้า ได้เขียนจารึกเป็นศิลปะตามผนังถ้ำหรือสร้างแท่นบูชาจากหิน ซึ่งแบ่งตำแหน่งของเทพออกเป็น 4ส่วน คือ - เทพมังกรฟ้า (ลักษณะจะเป็นสีฟ้า ลำตัวยาว) เป็นเทพมังกรประจำทิศตะวันออก มีความเชื่อว่าคอยหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ เพราะน้ำเป็นธรรมชาติที่สำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ พวกเขานับถือเหมือนเป็นผู้สร้าง - เทพมังกรขาว (ลักษณะทั้งตัวจะเป็นสีขาวมีปีก) เทพมังกรประจำทิศเหนือ มีความเชื่อว่าเป็นเทพที่คอยนำพาวิญญาณมนุษย์ไปสู่สวงสวรรค์ - เทพมังกรเขียว (ลักษณะเป็นสีเขียวมรกต ลำตัวยาว) เป็นเทพประจำทิศใต้ มีความเชื่อว่าหากเกิดลมพายุพัดผ่านเมื่อใด เป็นสัญญาณว่าแต่ละเดือนเริ่มมีการเปลี่ยนจากฤดูไปอีกฤดู มีความเชื่ออีกว่าเทพมังกรลมเป็นน้องของเทพมังกรน้ำ - เทพมังกรดำ (ลักษณะเกล็ดเป็นสีนิลด์ มีสี่ขาหางยาวมีปีก) เทพมังกรประจำทิศตะวันตก เชื่อว่ามีความเก่งกาจที่สุดในบรรดามังกรในความเชื่อทั้งหมด เป็นเทพแห่งสงคราม เมื่อใดที่เกิดฟ้าผ่าเป็นสัญญาณให้พวกชนเผ่านี้เตรียมตัวรบ พวกเขามีความเชื่อว่า เทพมังกร เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งบนโลก คอยช่วยเหลือเกื้อกูลมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นรวมถึงสร้างธรรมชาติเป็นของขวัญแก่พวกเขา ชนเผ่าเร่ร่อนนี้ได้ทำการเขียนบันทึกเรื่องราวของพวกเขา เป็นศิลปะที่สำคัญ เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่บันทึกอยู่ในศิลา Dragon Blood มีเรื่องเล่าว่า นักรบที่ชื่อ ‘อัคทูย่าห์’(Enkhtuyah) เป็นลูกหลานของมังกรดำ เขาทำสงครามเพื่อแย่งชิงอาณาจักรให้กับเผ่าพันธุ์เค็กชู จนได้รับฉายานามเป็นเทพแห่งสงครามที่ไม่มีใครต่อกรได้ *อัคทูย่าห์(มองโกล) เป็นมนุษย์มังกรมืด การทำสงครามนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย เริ่มมีประชาชนที่ไม่ยอมรับการทำสงคราม หลังจากนั้นมีการปรากฏตัวของลูกหลานมังกรฟ้า ‘คาร่า’(Qara) เข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ที่น่าแปลกคือพวกเขามีพลังที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปและสามารถกลายร่างเป็นลูกครึ่งมังกรได้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการฝังรากฐานเชื้อสายมังกรให้แก่ชาวเอเชียในปัจจุบัน ทายาทของอัคทูย่าห์กับคาร่าแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ภายหลังฝั่งของคาร่ามีอำนาจมากกว่า ทั้งสองได้ทำสงครามกันจนปัจจุบันพื้นที่ของเอเชียส่วนใหญ่จะเป็นของตระกูลคาร่า และมีการแตกแขนงออกไปเป็นเผ่าพันธุ์เล็กๆอีกสองเผ่า ซึ่งเปรียบเทียบเหมือนกับเป็นพี่น้อง และความเชื่อเรื่องสายเลือดมังกรยังเป็นที่เล่าขานจนถึงทุกวันนี้ *คาร่า(จีน)กับเคนจิ(ญี่ปุ่น) ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน คาร่าเป็นมนุษย์มังกรน้ำ เคนจิเป็นมนุษย์มังกรลม ตารางแบ่งผ่ายที่มีบทบาทในสงคราม เผ่า ฝ่าย/เปรียบเทียบ จุดมุ่งหมาย มนุษย์ คริสต์ ยึดถือในความเชื่อแบบมนุษย์เป็นใหญ่ ล่าอาณานิคมขยายพื้นที่ เป็นกลุ่มที่จุดชนวนสงคราม อิสลาม ยึดถือในความเชื่อในเทพเจ้าของตน ล่าอาณานิคมขยายพื้นที่ เป็นกลุ่มที่จุดชนวนสงคราม ฮินดูพุทธพราหมณ์ นิยมความสงบสุข ไม่ก่อสงคราม เน้นสร้างพันธมิตร แต่ก็พร้อมจะต่อสู้ถ้าถูกรุกราน ลัทธิจีน ปกป้องความเชื่อของตัวเอง ทำสงครามเพื่อขยายอาณาเขตและเผยแพร่ความเชื่อ มนุษย์มังกร ต่อต้านมนุษย์ ต้องการปกป้อง และทวงคืนความสงบสุขให้โลก คิดจะหยุดสงครามที่กำลังเกิดขึ้น เข้าฝ่ายมนุษย์ เป็นกองกำลังร่วมทำสงคราม ถูกทดลองต่างๆนาๆโดยไม่มีสิทธิ์ขัดขืน มังกร เข้าฝ่ายมนุษย์ มีผลประโยชน์กับมนุษย์ด้านอำนาจ ชิงความเป็นใหญ่เพื่อกดขี่เผ่าพันธุ์เดียวกันเอง / บางตัวถูกจับอย่างไม่มีทางเลือก ถูกมนุษย์คุมด้วยบังเหียน ต่อต้านมนุษย์ เชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบไม่ต้องการอำนาจของมนุษย์เข้ามาปกครองเผ่าพันธุ์ตนเอง ถูกชิงถิ่นที่อยู่รวมทั้งประชากรที่เริ่มเหลือน้อย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ต้องความสงบมากกว่าสงคราม เอลฟ์เลือดผสม เข้าฝ่ายมนุษย์ มีผลประโยชน์กับมนุษย์ เพิ่มอำนาจให้ตัวเอง ช่วยมนุษย์รุกรานพื้นที่ของสายพันธุ์อื่น แบ่งวิชาตำราเพื่อให้นำไปใช้พัฒนา ต่อต้านมนุษย์ ถูกมนุษย์ยึดถิ่นที่อาศัย จนต้องระหกระเหเร่ร่อน รอเวลาเอาคืน เอลฟ์แท้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ความสงบสุข ดาร์กเอลฟ์ ฝักใฝ่เวยท์ มีเป้าหมายเพื่อศึกษาเวทย์มนต์เพียงอย่างเดียว ไม่เลือกวิธีการ ไม่เลือกฝ่ายถ้าฝ่ายใดสามารถสนองเป้าหมายของตนได้ก็จะเป็นกำลังให้ เอลฟ์มังกร ทหารรับจ้าง ทำงานแลกกับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนมากรับงานจากมนุษย์ เป็นกองกำลังเสริมที่แข็งแกร่ง มนุษย์มนุษย์มังกร หลบซ่อนตัว ซ่อนตัวปะปนกับมนุษย์เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสงคราม และพยายามไม่ให้มนุษย์กดขี่ตัวเอง ต่อต้านมนุษย์ ซ่อนตัวปะปนกับมนุษย์รอจังหวะจะโจมตีจากภายใน มนุษย์กลายพันธุ์ กองกำลัง/เข้ากับฝ่ายมนุษย์ เดิมเป็นมนุษย์ที่อยู่ในกองทัพสังกัตอยู่แล้วถูกสร้างขึ้นเพื่อทำสงค