13 นัด
13 นัด!
ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่วิ่งตามหลังเขามา
มันเชื่องช้าแต่ก็ต่อเนื่องราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
และไม่ห่างไกลนัก...............
อาการเหนื่อยหอบปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายดังกล่าว แต่เขายังคงรุกหน้าต่อไป
ที่ต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าต้นนั้น หญิงสาวคนหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังลำต้น ขวางทางที่เขากำลังจะไปพอดี
เขาตกใจและพินิจด้วยความรวดเร็วกว่าฝีเท้าของเขาเสียอีก
เมื่อหญิงสาวหันมาจึงพบว่าใบหน้าของเธอนั้น แหกเละไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวกำลังขู่แยกเขี้ยวใส่เขา ทำท่าว่าจะพุ่งเข้ามาใส่
นั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเหวี่ยงท้ายปืนยาวคู่ใจเข้าใส่ใบหน้านั้นพอดี
กะโหลกศีรษะของเธอยุบเข้าไปเกือบครึ่ง มีรอยปริแตกปรากฏจากแรงกระแทก และเธอก็ทรุดลงที่ตรงนั้น แต่ชายฉกรรจ์ยังคงเสือกตัวเองไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
พ้นเนินเขา ขนาดย่อมลูกหนึ่ง ชายคนเดิมพยายามตะเกียกตะกายตนเองขึ้นเพื่อชมทัศนียภาพเบื้องหลังเนินลูกนี้
ซึ่งมันปรากฏเป็นสถานีรถไฟโทรม ๆ แห่งหนึ่ง ลาดต่ำและห่างออกไปราว 500 เมตร เบื้องล่าง และมีพวกซอมบี้กระจัดกระจายอยู่ราวสิบกว่าตัว
เขาจัดการมันไหว ถ้ามันมีแค่นี้จริง ๆ
แต่ไว้ใจไม่ได้ เขาต้องระวังพวกมันเห็น และค่อยๆสำรวจพื้นที่ดูก่อน
เบื้องหลังยังมีพวกมันวิ่งตามมา ๆ ติด ๆ อีกฝูงย่อย ๆ
เขานึกสบถในใจพลางมองกระสุนปืนยาวของตนเองที่เหลืออยู่ 13 นัด
“เวรเอ้ย ทำไมต้องเหลือ 13 นัดด้วยวะ”
เอกหายใจหอบในสมองพลางคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้
ก่อนหน้านี้ที่เขาและเพื่อนชาวอเมริกันอีกคน พวกเขาไล่ตระเวนไปตามหัวเมืองและชุมชนต่าง ๆ ตะลอน ๆ กันไปเรื่อย
จากตอนแรกที่มีกันกลุ่มใหญ่ ๆ แต่สมาชิกแต่ละคนก็เริ่มที่จะถูกพวกซอมบี้เล่นงานกันไปทีละคน
เอกนึกภาพตนเองและเท็ด ขณะที่ไม่สามารถช่วยบรรดาเพื่อน ๆ ได้ทัน ต้องปล่อยให้สหายจำเป็นเหล่านั้นถูกฝูงซอมบี้เข้ารุมโรมกัดกิน
จนในที่สุด ช่วงเวลา 4 เดือน ก็เหลือแค่เขากับเท็ด
ล่าสุดเมื่อสองวันก่อน ทั้งคู่เพิ่งผ่านเหตุการณ์นรกที่ปั้มน้ำมันมาหมาด ๆ มีรถทหารจอดอยู่ที่นั่น เขาและเท็ดเข้าไปสำรวจ
พวกทหารตายเกลี้ยง
เขาเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อตอนที่โดนพวกซอมบี้ล้อมรอบห้องธุรการที่ปั้มน้ำมัน
โชคดีที่เท็ดแหวกวงล้อมของพวกมันเข้ามาช่วยไว้ได้!
หลายเดือนที่ผ่านมาเราคงตายกันไปคนละหลายรอบแล้ว ถ้าไม่มีอีกคนมาช่วย
และในขณะที่กำลังเล่าเรื่องอาถรรพ์ของเลข13ให้เท็ดฟัง
งานอดิเรกของเขา คือเล่าอาถรรพ์ของเลข 13 ให้กันฟัง
เช้าวันนี้ขณะที่กำลังตระเวนหาของกิน เท็ดเพื่อนชาวอเมริกันของเขาเกิดเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าต่างของตึก ๆ หนึ่ง
นับกันแล้ว ได้ชั้นที่ 13
เท็ดตัดสินใจว่าจะขึ้นไปตามหาเธอ
เอกรู้สึกแปลก ๆ เพราะปกติ เท็ดจะเป็นคนที่กลัวเลข 13 หรืออะไรก็ตามที่จะเกี่ยวกับเลขสองตัวนี้
แต่ครั้งนี้เท็ดกลับรีบร้อนจนดูเหมือนจะไม่สนใจมัน กลับเป็นเขาเสียมากกว่าที่หลายเดือนมานี่เริ่มเชื่อในเลข13ที่เท็ดว่า และกำลังกังวลใจ
เท็ดบอกว่า ชีวิตของผู้หญิงคนนั้นสำคัญกว่า เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
สัญชาตญาณของการช่วยเหลือคนอื่นของเท็ดมักจะมาก่อนผู้อื่นเสมอ
ทั้งคู่ขึ้นไปชั้น13 ด้วยความระมัดระวัง
เมื่อขึ้นไปถึง เท็ดตะโกนถาม หญิงสาวผ่านทะลุกำแพงและประตู
เธอตอบแบบกลัว ๆ ว่าเธออยู่เพียงลำพัง และหิว
เท็ด “เรามีอาหารพอจะแบ่งให้ได้”
ประตูของเธอแน่นหนามาก พังเขาไปไม่ได้ ต้องเปิดออกจากด้านใน
มิน่าเธอถึงรอดมาได้
เท็ดกระซิบบอกเอกว่าอย่าเพิ่งไว้ใจ นี่อาจเป็นแผน อาวุธของเราอาจมีคนต้องการ เรายังไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่คนเดียวจริงหรือไม่?
ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าให้เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนอนุบาล.......
เท็ด “เราต้องระวัง และต้องเชื่อใจกันแค่สองคนเท่านั้น”
เอกพยักหน้ารับคำ
ถ้าเธอเปิดประตูออก แล้วเดี๋ยวเท็ดจะเข้าไปก่อนตามแผนที่เท็ดออกแบบ
ถ้าทุกอย่างเคลียร์และเอกค่อยตามเข้าไป
เอกไม่ชอบแผนนี้เท่าไหร่ แต่เท็ดก็ทำอะไรรวดเร็วกว่าความคิดของเอกเสมอ
หญิงสาวเปิดประตูออกและเท็ดเข้าไปด้วยความระวัง
ประตูถูกปิดลง และมีเสียงลงกลอน อันเป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่แน่นอน
สักพักตามมาด้วยเสียงของการต่อสู้
เอกตะโกนเรียกเท็ดและพยายามพังประตู
หันซ้ายหันขวา และนึกขึ้นได้ว่ามีหน้าต่าง อาจพอจะอาศัยมองได้ แต่ลอดเข้าไปคงไม่ไหว มีไม้กั้นหนาแน่นจากด้านใน
เอกพยายามตะโกนเรียกเท็ด อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงข้าวของแตกกระจายไปตามพื้น
ภาพที่เห็นเมื่อมองลอดหน้าต่าง มองแล้วใจหาย
เท็ดกำลังนั่งคร่อมหญิงสาวและฉีกเสื้อผ้าของหล่อน
มืออีกข้างปิดปากของเธอแน่น
เอกทุบที่หน้าต่างและตะโกนเรียกเท็ด
เท็ดหันมามองและตกใจ “ซอรี่ว่ะเพื่อน วันก่อนฉันโดนกัด ตอนที่ช่วยคุณที่ปั้มน้ำมันนั่น”
“เราผ่านอะไรกันมาเยอะ ผมรู้ตัวผมไม่รอดแน่ ผมต้องการหาความสุขก่อนที่จะกลายเป็นพวกมัน”
สิ่งที่ได้ฟัง ทำให้เอกถึงกับอึ้งไป เท็ดทำไมไม่ยอมบอกเรื่องที่เกิดขึ้น
เราทุกคนมีความต้องการ
สาวน้อยคนนั้นก็คงเช่นกัน.........
ตูม !
แต่ที่เธอต้องการคงไม่ใช่แบบนี้
ประตูระเบิดและฉีกขาดราวกับหัตถ์ของพระเจ้าคราวถล่มภูผาให้พังทลาย
เอกเดินเข้าประตูที่พังพินาศเพราะแรงระเบิด และกล่าวกับเท็ดที่จมกองฝุ่นและซากชั้นวางที่ล้มลงมาทับว่า “วันนั้นที่ปั้ม ฉันเจอระเบิด”
เท็ดตะกายลุกขึ้นท่ามกลางสิ่งของที่ล้มทับ
แรงระเบิดรุนแรงกว่าที่คิด
หญิงสาวคนนั้นร้องไห้และกรีดร้อง
เอก “ถึงใครจะตายห่า ก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้” เอกบอกกับเท็ด
เอกรุดหน้าไปและหาผ้ามาคลุมตัวหญิงสาว มีเลือดออกที่หว่างขาเธอ
เสียงตะโกนประหลาดดังมาจากด้านล่าง
พวกมันกำลังแห่กันมา พวกมันรู้ได้เพราะเสียงระเบิดเมื่อครู่
เอกและหญิงสาวคงต้องรีบ เท็ดเองก็ต้องไปด้ว....!
เท็ดใช้ด้ามปืนกระแทกศีรษะของเอกเต็มแรงจนดูไม่เหมือนว่าจะแค่หยุดเขา แต่เหมือนตั้งใจให้เกิดผลกระทบมากว่าการกระแทกธรรมดา
ผลของการถูกโจมตีทำให้เอกมึนงง เจ็บแปลบที่ศีรษะ ในใจนึกเป็นห่วงหญิงสาว
ถ้าเขาแพ้ โลกใบนี้มันจะทุเรศยิ่งไปกว่านี้
เท็ดยืนอยู่แถวหน้าต่าง คงกำลังชะเง้อมองพวกซอมบี้ด้านล่าง
เท็ด “ฉันละเบื่อกับความโง่ของแกเสียจริง ๆ ให้ตายสิฉันอยู่กับแกมาตั้งหลายเดือนแล้วหรือนี่”
“ทำอย่างไรถึงจะเข้าใจ เท็ดไม่มีวันเข้าใจ”เอกคิด
เอกทรงตัวและเงยหน้ามองเท็ด
แต่จังหวะนั้นหญิงสาวถึงตัวเท็ดก่อน และพุ่งกระโจนใส่เท็ด พาทั้งคู่ลงไปทางหน้าต่าง
เบื้องล่างมีฝูงซอมบี้ที่กำลังแห่มาราธอนกันมาจากทุกซอกทุกมุมตรงมายังตึกสับปะรังเคแห่งนี้
สายตาของเอกมองสำรวจไปทั่วสถานีรถไฟหัวสมองคำนวณเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นทุกรูปแบบ
เอกคิด “สถานีรถไฟไม่ปลอดภัยเลยสักนิด มีพวกซอมบี้มานอนเล่นเต็มไปหมด”
บรรยากาศของสถานีรถไฟร้าง และ มีพวกซอมบี้บางตัวที่นั่งพิงกำแพงอยู่อย่างหมดอาลัย บางตัวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างไร้ความรู้สึก หรือพวกมันรู้สึก....
เยื้องไปด้านหลังรถยนต์ที่เขาแอบซ่อนอยู่ เป็นเนินสูงขนาดย่อมสักแปดถึงสิบเมตรน่าจะได้
ซอมบี้โง่ ๆ ตัวหนึ่งเดินพ้นเนินมาอวดโฉมทุกเรศทุรังของมันให้เอกเชยชม
อาจจะเป็นเรื่องขำขันของพระเจ้าหรือซาตานอะไรสักอย่าง
ขาที่ไร้เรี่ยวแรงของมันขากันเองจนหกล้ม กลิ้งลงมาจากเนินที่ห่างไหลจากเอกสักยี่สิบหลาเห็นจะได้
โครม!!!
มันกลิ้งมากระแทกรถที่เอกหลบอยู่อย่างจัง โชคดีที่เอกหลบได้อย่างฉิ่วเฉียด หัวของมันฝั่งเข้าไปในประตูของรถยนต์สนิทเขรอะคันนี้
“นี่แค่หนึ่งในความซวยที่จะตามมา”เอกคิด
แฮ!
ยังไม่วายที่มันจะอยากกินเอกเมื่องัดหัวออกมาจากประตูรถได้
เสี้ยววิต่อมาหัวมันก็ขาดออกจากร่างเมื่อคมสปาต้าของเอกเหวี่ยงไปทำลาย
สถานีรถไฟแห่งนี้กลายเป็นนรกในทันที เพราะพวกซอมบี้ทั้งหมดเมื่อสนใจในตัวของเอกแล้ว พวกมันมีมากกว่าที่คิดนับจากขบวนที่วิ่งออกมาจากสถานีด้วย
เอกคิด “กลายเป็นว่าพวกที่วิ่งตามมีเยอะขึ้น” เอกวิ่งหนีพวกซอมบี้ที่วิ่งตามมาไปยังเนินเขาอีกด้านที่มีป่าย่อม ๆ ยืนสงบอยู่เบื้องหน้า
เอกคิด “เหนื่อยจริงๆ แต่ถ้าหยุดก็ตาย กระสุนเวรดันเหลือ 13 นัด”เอกใช้สปาต้าฟันคอของซอมบี้บางตัวขาดกระเด็น ข้อหาที่มันมาขวางทาง
“ทำไมต้อง13 นัดวะ ให้ตายก็จะไม่ยิง ถ้ายิ่งยิงจะยิ่งซวย” มีดพกปักที่หัวของซอมบี้อีกตัวที่ออกมาจากราวป่าข้างหน้า
เอกคิด “เลข13 ยุ่งไม่ได้ ยุ่งแล้วจะซวยแน่ ๆ เหมือนเรื่องของเท็ด.......”เอกฟันขาซอมบี้ตัวหนึ่งจนมันล้มลง
เอก “ไม่ชอบเลข13 ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13ไม่ชอบเลข13” ขณะที่รัวสปาต้าอย่างบ้าคลั่งใส่เจ้าซอมบี้เคราะห์ร้าย
“กูเกลียดเลข 13!” ซอมบี้ตัวนั้นนอนกับพื้น โดยส่วนของร่างกายแหลกเละจากการฟาดฟัน และมีสปาต้าเล่มโตปักกลางหน้าผาก
เมื่อไหร่มันจะจบลงเสียที....
เอกวิ่งไปถึงเนินเขาแหล่งหนึ่ง อันเป็นหน้าผาสูงชันไร้ทางเดินต่อไปได้ และกำลังถูกพวกซอมบี้ไล่ต้อนจน ๆ มุมเข้ามาเรื่อย ๆ เอกมองสำรวจเบื้องล่างอันเป็นหน้าผาสูง มองเห็นรถบ้านหลายคันจอดอยู่ข้างล่างในเงาลาง ๆ
เอกคิด “มีพวกที่รอดชีวิตหรือ อยู่แค่ไม่ไกลเอง”
เอกพยายามต่อสู้กับพวกซอมบี้ด้วยการใช้ด้ามปืนหวดไปที่หัวของพวกมัน
มีดพกทั้งสองอันที่มี สปาต้าดันติดไปกับหัวไหล่ซอมบี้ตัวหนึ่ง
จนเหลือแต่ปืนที่มีในมือ
กระสุน13นัด คือจำนวนที่เหลือ
เอกไม่กล้าใช้ เพราะกลัวอาถรรพ์
เอก “ถ้ายิ่งใช้มีแต่จะยิ่งซวยน่ะสิ”เอกพูดพลางแยกเขี้ยวใส่พวกซอมบี้ที่ดาหน้ากันเข้ามา
แต่แล้วเอกก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างปะปนอยู่ในฝูงซอมบี้ที่กำลังถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน
เท็ดโผล่มาในสภาพของซอมบี้ เป็นเท็ดในร่างซอมบี้ที่แขนหักขากระเผลกอย่างอัปลักษณ์
ตามด้วยหญิงสาวคนนั้นในสภาพคอหัก ทั้งคู่มีกระดูกยื่นออกมาจากร่างกายอันบ่งบอกถึงได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง
เอกมองเลือดที่หว่างขาของหญิงสาวผู้กลายเป็นซอมบี้“เธอคงติดเชื้อจากเท็ด”
“เชื้อมันแพร่กระจายเร็วขึ้นทุกที”เอกคิดดังนี้และเปลี่ยนใจเรื่องกระสุน
กระสุนชุดแรกถูกบรรจงใส่ลำกล้อง
นัดแรกลอดทะลุพวกมันหลายตัวไปหาสมองของเท็ดดี้เพื่อนเก่า
นัดต่อไปต้องเป็นของหญิงสาวผู้น่าสงสาร
ตามด้วยพวกมันที่เหลือ
แต่ทำยังไงพวกมันก็ไม่หมด มีแต่กระสุนที่หมด พวกมันไม่ใช่
เอกต่อสู้จนวินาทีสำคัญหลายสิบครั้งผ่านพ้นไป เขาถูกต้อนจนตกลงไปที่หน้าผา
โดยมีซอมบี้จอมตะกละสองตัวตกตามลงไปส่งด้วย พวกมันตรงไปตรงมาเสมอจากการที่ยังพยายามจะกัดเขาจากกลางอากาศ
อุ๊บบ!
ร่างของเขากระแทกกับพื้นหมุนเหวี่ยงไปตามตีนเขาอันสากแกร่งอย่างแรง จนไปจมที่หินขนาดใหญ่เท่ารถก้อนหนึ่ง
และทุกอย่างก็มืดลง
..............
.....................
โสตประสาทของเอกได้ยินเสียงคนคุยกัน
“เขายังไม่ตายใช่ไหม”
“หมอนี่อึดจริงๆ นายคิดว่าเขาจะเป็นคนที่เหมาะไหม”
“ดีนะที่เสียงปืนนั่น ทำให้เรารู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน เราถึงหาเขาเจอ”
เสียงของใครสักสองสามคนคุยกันไม่ไกลจากจุดที่เขานอนแหมะอยู่
แล้วเอกก็หมดสติไปอีกครั้ง
นานเท่าไหร่เขาไม่อาจรู้ได้
แสงส่องสว่างและแยงเข้าตาที่ค่อย ๆ จ้าขึ้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดก็พบว่าตนเองอยู่ในกระโจมสีขาวและมีน้ำเกลือรยางค์
เขาใช้เสาน้ำเกลือค้ำเอาไว้ไม่ให้ตนเองล้ม
ชายไทยหัวใจอึดเดินออกมาจากกระโจมแทบจะกึ่งคลาน มองเห็นคนมากมายทุกเพศทุกวัย
ตามมาด้วยซอบบี้ที่พุ่งเข้ามาหาจากด้านข้างของตัวเขา
ด้วยอารามตกใจเขาใช้เสาน้ำเกลือค้ำตัวมันไว้ทันด้วยสัญชาตญาณ
เสียงใครบางคนพูดผ่านลำโพงดังว่า “เอาล่ะครับ นั่นล่ะ ไอ้มนุษย์เหล็กที่รอดชีวิตจากการต่อสู้กับซอมบี้นับร้อยตัว ตกหน้าผาก็ยังไม่ตาย”
“ใครที่ทายถูกว่าเขาจะฟื้นวันนี้ ไปขึ้นอาหารได้ที่ มิสซิส เจน ทันทีครับ!”
“แต่ที่สำคัญตอนนี้ เรามาลุ้นกันดีกว่า ว่าชายผู้นี้จะเอาตัวรอดจากซอมบี้ทั้ง 13 ตัว ในสภาพแบบนี้ได้หรือไม่”
“ราคาต่อรอง อยู่ที่ 3 ต่อ1”